แอปเปิ้ล...ราชาแห่งผลไม้ลดน้ำหนัก
การจำกัดปริมาณอาหารเพื่อควบคุมน้ำหนักนั้นเป็นเรื่องยากสำหรับคุณผู้หญิง
เพราะไหนจะต้องทนต่อความหิวจนกว่าจะผอมแต่พอผอมสมใจกลับโดนทักว่าทำไมดูซีด
เซียว ไม่สดชื่นอวบอั๋นเหมือนตอนก่อนลดน้ำหนัก
การรับประทานผลไม้จึงเป็นวิธีหนึ่ง
ที่ช่วยแก้ปัญหาได้ทั้งการลดน้ำหนักและการมีสุขภาพที่สดใส
เพราะผลไม้ประกอบไปด้วยเส้นใยอาหาร (Fiber)
ที่ช่วยให้รู้สึกอิ่มท้องมีน้ำตาลธรรมชาติที่ร่างกายสามารถดูดซึมได้เร็วและ
นำไปใช้งานได้ทันที
นอกจากนี้ผลไม้ยังอุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุอีกนับไม่ถ้วนช่วยให้ร่างกาย
รู้สึกสดชื่น ไม่ทรุดโทรม จึงเหมาะสำหรับสาว
ๆที่ต้องการควบคุมน้ำหนักเป็นที่สุด
เมื่อถามคนใกล้ตัวว่า"อยากลดน้ำหนักจะทานผลไม้อะไรดี?" เชื่อว่าคงได้คำตอบกว่าครึ่งเป็นผลไม้รูปร่างอวบอัดที่ชื่อว่า"แอปเปิ้ล"แน่
ๆ เพราะแอปเปิ้ลเป็นผลไม้ที่มีสีสันชวนรับประทาน
เนื้อสัมผัสกรอบรสชาติอร่อย กลิ่นหอม มีคุณค่าทางโภชนาการสูง หาทานได้ง่าย
ราคาไม่แพงและที่สำคัญคือไม่ทำให้อ้วน แอปเปิ้ลจึงได้ชื่อว่าเป็น
"ราชาแห่งผลไม้ลดน้ำหนัก"
กินแอปเปิ้ลวันละ 1 ผล ร่างกายแข็งแรง
แอปเปิ้ลให้สารอาหารจำพวกคาร์โบไฮเดรตและวิตามินซีเป็นหลักซึ่งปริมาณ
วิตามินซีจะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับสายพันธุ์ ช่วงเวลาเก็บเกี่ยวและความสด
เนื้อแอปเปิ้ล 100 กรัมมีวิตามินซีประมาณ 6 มิลลิกรัม และให้พลังงานราว 59
แคลอรีไม่ทำให้อ้วน แต่แอปเปิ้ลก็มีสารอาหารที่มีประโยชน์ชนิดอื่นทดแทน
แบบที่เรียกได้ว่าไม่น้อยหน้าผลไม้อื่นแต่อย่างใด
พลังงานที่ได้จากแอปเปิ้ลมีลักษณะพิเศษที่น่าสนใจคือแอปเปิ้ลจะให้พลังงาน
ค่อนข้างต่ำและค่อยเป็นค่อยไปเพราะแหล่งพลังงานของแอปเปิ้ลคือน้ำตาลฟรักโทส
ซึ่งเป็นน้ำตาลที่เปลี่ยนรูปเป็นพลังงานอย่างช้า ๆ
ในร่างกายช่วยให้ไม่รู้สึกหิวอิ่มนาน ผลที่ตามมาคือ
ระดับน้ำตาลในกระแสเลือดจะค่อย ๆเพิ่มขึ้นอย่างสม่ำเสมอ
ไม่สูงเร็วเหมือนกินขนมหวานจึงเหมาะกับคนไข้เบาหวานด้วยเช่นกัน
เปลือกและเนื้อของแอปเปิ้ลมีเส้นใยอาหารที่ชื่อว่า"เพคติน"ที่
มีคุณสมบัติพองตัวได้มาก
ช่วยเพิ่มกากในทางเดินอาหารทำให้อวัยวะในทางเดินอาหารมีการทำงานเป็นปกติ
เพิ่มประสิทธิภาพในการขับถ่ายซึ่งเป็นการช่วยป้องกันมะเร็งลำไส้ใหญ่ได้และ
ยังช่วยจับคอเลสเตอรอลไม่ให้ถูกดูดซึมเข้าสู่ร่างกายป้องกันโรคคอเลสเตอร
อลในเลือดสูง โรคหัวใจ และความดันโลหิตสูง
นอกจากนี้
แอปเปิ้ลยังอุดมไปด้วยวิตามินเกลือแร่และสารอาหารที่มีประโยชน์อีกหลายชนิด
ทั้งวิตามินเอ บี 1 บี 2 บี 6 ไบโอติน กรดโฟลิก กรดแพนโทเธอนิค เกลือแร่
คลอไรด์ เหล็ก ทองแดง แมกกานีสแคลเซียม ฟอสฟอรัส โพแทสเซียม โซเดียม
ซิลิคอน และยังมีกรดอินทรีย์ 2 ชนิดคือ กรดมาลิคและกรดทาร์ทาริก
ซึ่งช่วยในการย่อยอาหารจำพวกโปรตีนและไขมันสารอาหารเหล่านี้
มีประโยชน์ต่อสุขภาพในหลายด้าน โดยเฉพาะวิตามินซีและสารในกลุ่มฟลาโวนอยด์
ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่พบมากในแอปเปิ้ลจะช่วยป้องกันโรคหัวใจในผู้
ที่รับประทานเป็นประจำ
แอปเปิ้ลเขียว หรือแอปเปิ้ลแดง ที่มีประโยชน์มากกว่ากัน
เมื่อวิเคราะห์จากคุณค่าสารอาหารต่าง ๆ
เปรียบเทียบระหว่างแอปเปิ้ลเขียวและแอปเปิ้ลแดง
พบว่าไม่มีความแตกต่างกันมากนักแต่สิ่งที่แอปเปิ้ลแดงมีเหนือกว่าเล็กน้อย
คือ
ปริมาณของสารแอนโทไซยานินซึ่งมีฤทธิ์เป็นสารต้านอนุมูลอิสระในกลุ่ม
ฟลาโวนอยด์นั่นเอง
ดื่มน้ำแอปเปิ้ล ก็ได้ประโยชน์เท่ากินทั้งลูก?
จากที่กล่าวมาแล้วข้างต้น
จะพบว่าประโยชน์ของแอปเปิ้ลมาจากองค์ประกอบ 3 ตัวด้วยกันคือ
จากเส้นใยอาหาร
สารต้านอนุมูลอิสระที่มีมากบริเวณเปลือกและจากน้ำตาลฟรักโทสที่มีมากในเนื้อ
แอปเปิ้ลดังนั้นหากต้องการดื่มน้ำแอปเปิ้ล
ควรเลือกวิธีการปั่นทั้งผลโดยไม่ต้องปอกเปลือก
เพราะหากใช้วิธีคั้นน้ำจะทำให้ได้เฉพาะน้ำตาลและสารต้านอนุมูลอิสระอีกเล็ก
น้อยซึ่งอาจทำให้อ้วนได้มากกว่าเดิมและไม่ได้รับประโยชน์ทั้งหมดจากแอปเปิ้ล
อย่างครบถ้วน
กินแอปเปิ้ลอย่างไรให้ได้ประโยชน์
ในแง่โภชนาการแอปเปิ้ลไม่ใช่ผลไม้ที่มีวิตามินหรือแร่ธาตุในปริมาณสูงมากนัก
เมื่อเทียบกับกล้วย ฝรั่งหรือส้ม แต่หากทานแอปเปิ้ลวันละ 2-4
ลูกโดยไม่ปอกเปลือกก็จะได้รับเส้นใยอาหารและสารอาหารต่าง ๆ
ในปริมาณที่พอเหมาะ
ในปัจจุบันมีการกล่าวอ้างสรรพคุณของแอปเปิ้ลมากมาย เช่น บำรุงหัวใจลดคอเลสเตอรอล ลดความดัน ควบคุมปริมาณน้ำตาลในเลือด ลดความอยากอาหารช่วยกระตุ้นการทำงานของสารต้านอนุมูลอิสระ ชะลอความแก่และฆ่าเชื้อไวรัสซึ่งหากต้องการจะรับประทานแอปเปิ้ลสำหรับวัตถุประสงค์เพื่อควบคุมน้ำหนักแล้ว ก็ควรต้องทานเนื้อสัตว์ไม่ติดมัน และผักผลไม้อื่น ๆ ร่วมด้วยเพื่อป้องกันการขาดสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกาย
ที่มา.http://women.thaiza.com/detail_164183.html
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น